ชีวิต

ถึงไหนแล้วอ่ะ? คำถามมากมาย ที่ค้นพบคำตอบเมื่ออายุมากขึ้น ตอนนี้เราผ่านมาสามช่วงแระ

1-15 ขวบหมดไปกับความเป็นเด็กน้อย กิน เรียน เล่น

15-24 ปี หมดไปกับการเรียนระดับมัธยมและ เรียนป.ตรี เรียนไปด้วย ทำงานในโรงแรมไปด้วย เพื่่อให้ความฝันเป็นจริง พร้อมๆกับเจียดตังค์บางส่วนส่งหลานสาวเรียนมัธยมปลาย เตี้ยอุ้มค่อมล็อตแรก เรียนรู้การสูญเสียครั้งแรกในชีวิต คุณแม่ไปสววรค์แล่ว

24-28 ปี รู้สึกว่าชีวิต ไม่มีเวลาเกเรเลยเป็นเด็กเรียนและทำงานมาตัลหลอด จัดให้ซะหน่อย ทำงาน ตกงาน ได้งาน ไม่เรียนอะไรเลย เคยมีแฟน เลิกกะแฟน ประมาณนี้

ชีวิตบ่อยครั้งมันเคว้งๆ อยากกลับบ้านไปอยู่กับคุณพ่อ แต่เหมือนชีวิตมันเพิ่งเริ่มต้นตอนเรียนจบป.ตรี
มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง พ่อขอให้เรียนป.โท ต้องระเห็จจากงานโรงแรมอีกรอบเพื่อออกมาเรียนให้พ่อ

28-34ปี ช่วงนี้เลยถือโอกาสเรียน ภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย พร้อมๆกับงานสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติ เปิดโรงเรียนเอง และหวนกลับเข้าไปทำงานโรงแรมอีกรอบ เจียดตังค์ส่งหลานชายล็อตสองเรียนเทคโนๆ

35ปี-ปัจจุบัน ทำงานในโรงแรมอีกรอบ รับงานสอนบ้าง เก็บตังค์ไว้ดูแลตัวเองตอนอายุมากขึ้น พ่อตามแม่ไปอยู่สวรรค์ เราพยายามส่งหลานเรียนม.ปลาย ล็อตสามอีกคน เราเริ่มเข้าไปฝึกนั่งสมาธิหลังจบป.โทเพาระคิดถึงแม่มากๆ หลังๆที่พ่อจากไป มีคำถามผุดขึ้นมาอีกแระ นี่ครือความหมายของชีวิตเหรอมมม ที่ีสำคัญกรูวโสด เป็นลูกกำพร้าอิ๊ ชีวิตจะคัลเลอร์ฟูลไปไหน

ถ้ามองย้อนกลับไป ไม่เคยเสียใจกับเส้นทางชีวิตตัวเองเลย แต่รู้สึกผิดกับการที่เราเรียนๆทำงานๆ เพื่อดูแลหลายๆชีวิต เราต้องแลกกับการที่ไม่ได้อยู่ดูแลพ่อ หรือแม่ใกล้ๆ ได้อย่างเสียอย่างจิงๆ

ภาษาที่ชอบ 

เราเริ่มฝึกตัวเองให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เราเริ่มรู้ตัวว่า สมองกรูไม่รับรู้อะไรได้ดีซักกะอย่างที่เกี่ยวกับตัวเลข นี่ไล่มาเลย เคมี คณิต ฟิสิกส์ เพลียข่ะ นี่เรียนสายวิทย์ คณิตแท้หล่าว

ภาษาอังกฤษเปรียบเป็นโลกที่กว้างมาก เป็นเหมือนประตู หน้าต่าง ที่จะทำให้เราเห็นอะไรๆเยอะแยะ เป็นร่างทรงที่สื่อถึงทุกภาษาเรย

ภาษาฝรั่งเศส ด้วยความที่เคยอยากเป็นนักการทูตเลยเรียนภาษานี้ ได้ใช้คุยกับแฟนด้วย รู้สึกว่าเค้าเป็นภาษาที่ไพเราะมากเวลาพูดอ่ะนะ บ๊องๆแบ๊งๆกะป๊องกะแป๊ง ฮ่อวนั่ลลักอ่ะ

ภาษาเยอรมัน อินี่เทอว์ อิชั้นหนีจากวิชาโทภาษาฝรั่งเศษ แระมาเจอเทอว์ ที่ยากส์กว่านะ แต่ตื่นเต้นมากในครั้งแรกที่พูดได้ คิดว่าเทอว์เป็นภาษาที่ยากที่สุดในบรรดาภาษาที่เรียนๆมา

ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเดียวในภาคพื้นเอเชีย ที่เลือกเรียน นอกสภาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนรัฐ เค้าเป็นหนึ่งในสองทางเลือกระหว่างภาษาเกาหลี กะญี่ปุ่น คิดหนักเรย แต่ก้อเราเลื่อกเรียนญี่ปุ่น เพราะในเชิงธุรกิจ เค้าใช้ได้ตลอดแม้ข้อจำกัดด้านอายุจะมีมากก้อตาม เผลอๆอาจใช้เรียนจีนได้ด้วย อักษรบางส่วนเหมือนกัน เราภูมิใจมากที่ได้พูดภาษาญี่ปุ่น

สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน

ดนตรีที่ฟัง คงสถานะ แหกปาก เร็ว เสียงดัง กีต้าร์โอ เค้าเรียกว่าร็อคป่ะ

7 ปี กับ Bon Jovi หลังจบป.ตรีแหวนวงนั้นหลุดจากนิ้วมือ จมหายไปที่เกาะเสม็ด ไม่เสร็จทุกราย แถมเลิกกับแฟนอีกต่างหาก เราจิขำดีมั้ยอ่ะ

15 ปี กับเฮียเจ้ ณ Suede เป็นวงเดียวที่โตมาด้วยกันอย่างมีสติ  ได้เจอเมมเบอร์ และไปคอนด้วย Suede นำพาเพื่อนญี่ปุ่น เพื่อนโปรตุเกส และภาษาญี่ปุ่นมาให้เราในยุคแรกๆ เราก้อเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นจากตรงนี้ ผลครือ มันไม่เข้าหัวข่ะ เกิดสึนามิที่ภูเก็ตพอดี แล้วเราก้อผ่านการสอบเข้าเรียนป.โท รอบที่สองด้วยข้อสอบเกี่ยวกับศูนย์ช่วยเหลือชาวต่างชาติจากภัยสึนามิ

2 ปีแล้วกับ FT Island เราเจอกันในความพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นครั้งที่สอง เอฟที เทอว์ครือวงญี่ปุ่นใช่หรือไม่ ผิดข่ะ วงร็อคเกาหลี 100% ยังไม่พอ ที่ญี่ปุ่นเกิดสึนามิข่ะ มันครืออัลไล ทำไมต้องเกิดตรงกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นรอบสองฟระ นี่กัวเลย เราไม่กล้ากลับเข้าไเรียนญี่ปุ่นรอบสาม เวลาฟังเอฟทีเลยต้องดูจากภาษาอังกฤษสุดฤทธิ์

ว่าแต่บั้มเอฟทีจะถึงเมือไหร่อ่ะ นี่อยากเปิดซิงแกะปกซีดีนะ ไม่อยากโหลดฟรีเหมือนปกติที่ทำอยู่อิ๊็ เด็กๆต้องได้ตังค์ข่ะเมนนูน่า ท่านลีดต้องมีตังค์ชื้อ BearBrick บอกเลย 5.....Go อ่านว่า โกะ เต็งเต็ง เต็ง เต็ง เต็ง โก

เราเริ่มบริจาคตังค์บ้างตามโอกาสและบริจาคเลือดได้เจ็ดคร้ังแร่ว พ่อไม่เคยตีนะพูดเรย หมอเปงคัยอ่ะ ก้อเจ็บจิ๊ดน่ะตอนคุณหมอแทงเข็ม แต่สักวันคนเราก้อต้องเจ็บป่วยป่ะ เวลาแก่ๆ ดังนั้นเข็มเจาะเลือดแค่นี้ สีทนได้ข่ะ ทุกๆสามเดือนเจอกันที่สภากาชาด me/ กินไข่ บำรุงรัวๆ

เรามีความทรงจำกับพ่อแม่เยอะจิง เพราะเป็นลูกคนเล็ก  เราคิดว่าไม่มีครอบครัวก้อไม่เป็นไร ถึงเวลามันก้อมาเอง ใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน กับการตั้งโรงเรียนเล็กๆ เหมาะกับกำลังของเราสอนเด็กๆซ๊ะ เป็นการดีที่ชีวิตไม่มีห่วงแระ ชีวิตยังต้องดำเนินต่อปาย แบบแมนๆ








[งานแปล] ที่แล้วมา จนกระทั่งถึงตอนนี้, ฉันขอโทษนะ เอฟทีไอร์แลนด์ (정정당당s Kim Kyungmin)
(Retrieved from http://lakkimi.tumblr.com/post/118165018379/trans-ftisland-all-this-time-i-apologize)
วันที่5พ.ค.2015 ขณะที่ฟังเพลงในอัลบั้มที่ 5 “I WILL” ของเอฟทีไอร์แลนด์ นักเขียนในหนังสือพิมพ์ได้สะท้อนให้เห็นภาพดังนี้

เอฟทีไอร์แลนด์ เป็นกลุ่มที่โลดแล่นอยู่ในวงการประมาณ9ปีแล้ว โดยเปิดตัวด้วยเพลงช้า แนวบัลลาดอย่างเพลง, “Love Sick”และเพลงนี้ทำให้พวกเค้าเป็นวงที่น่าหลงใหลในเกาหลี รูปร่างของวงประกอบด้วย นักร้องนำอดีตนักแสดงเด็ก, อีฮงกี, พร้อมด้วยสมาชิกวัยใสๆคนอื่นๆ พร้อมกันนี้ พวกเค้ายังเป็นวงแรกของบริษัท, โดยประธาน ฮันซึงโฮ ซึ่งเอฟทีไอร์แลนด์ได้รับการตอบรับที่ไม่ดีนัก จากเหล่านักเขียนในหนังสือพิมพ์

ไม่,สินะ, ด้วยความที่โตมากับการฟังดนตรี ของวง Judas Priest, Metallica, Guns ‘n Rose, and Pantera’s Darrell Dimebag, ชั้นนี่แทบหัวเราะเลยทีเดียว สำหรับเหล่านักเขียนในหนังสือพิมพ์แล้วน่ะ,  อฟทีไอร์แลนด์ ก้อเป็นแค่”วงดนตรี”ที่จัดตั้งขึ้นอย่างเพรียบพร้อม, และถูกออกแบบให้เป็นไปโดยบริษัท

ใช่ว่าหลายคนๆไม่เคยมีความคิดคล้ายๆกันอยู่นะ? เอฟทีไอร์แลนด์  ไม่เคยถูกกล่าวถึงในฐานะที่เป็นวงดนตรี, “วงไอดอล” คือคำที่พวกเราชาวนักเขียนใช้กันเสมอเมื่อกล่าวถึงพวกเค้า
แต่นั่นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันธ์ในช่วงแรกๆที่พวกเขาเปิดตัว
 หลายคนมองพวกเราอย่างนั้น แต่เราจะทำกิจกรรมของเราต่อไป, และสักวันหนึ่ง, เราจะแสดงให้พวกคุณเห็นถึง ดนตรีดีๆของพวกเรา”
  

 นี่ไม่ใช่ว่า พวกเค้าอยากให้ เรามองที่ดนตรีไหมอ่ะ? พวกเค้าไม่แสดงให้เห็นหน้าตาบนปกอัลบั้มเลยนะ

ในที่สุดพันธสัญญาของพวกเค้าก้อเป็นจริงในปี 2015 เหล่าสมาชิกได้ เขียนเพลง แต่งทำนองเพลง ไล่ไปจนถึงขั้นตอนการผลิต(รวมถึงซื้ออัลบั้มแจกเพื่อนๆด้วยไหมคะ>_<) สร้างสรรผลงานของตนเอง ด้วยตัวของพวกเค้าเอง  เอฟทีไอร์แลนด์ได้ทำดนตรีของพวกเค้าเอง เป็นครั้งแรก เหมือนที่บริษัทของพวกเค้ากล่าวไว้ว่า,  เป็นอัลบั้ม(ของอฟทีไอร์แลนด์) ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน  Pray ได้นำเสนอขึ้น เสมือนตัวแทนของอัลบั้มที่ใช้โปรโมทในทีวีด้วย อันเป็นที่มาของความไม่คุ้นเคย เพราะว่าเป็นดนตรีแนวจัดว่าร็อคหนักๆ

แนวฮาร์ดร็อคเป็นแนวเพลงที่รู้จักเพียงเล็กน้อยของบรรดาแฟนเพลงภายในประเทศ ฮิบฮอบ และอาร์แอนด์บีนั่นล่ะเป็นแนวเพลงที่รู้จักโดยทั่วไป ในกลุ่มไอดอล, แต่ว่า แม้แต่แนวเฮฟวี่ เมทัลและวงร็อค เช่นวง N.E.X.T.ในเพลง '도시인’, ‘날아라 병아리 และเพลงเนิบๆ หลายๆเพลง ก้อเป็นทางเลือกที่ถูกนำมาเผยแพร่

ไม่ใช่แค่ในเกาหลี ในสหรัฐ และที่ญี่ปุ่นด้วย, เป็นเรื่องยากนะที่จะไต่ขึ้นไปสู่ลำดับชาร์ตเพลงด้วยเพลงร็อค

ไม่ใช่ว่าเพลงแบบนั้น ในอัลบั้ม I Will จะไม่มีนะ, มีเพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีของทำนองเนิบๆคล้ายๆกันเช่น BPM 69 and Do You Know Why  ก้อมีอยู่ในอัลบั้ม แม้กระนั้น, ทำไมพวกเค้าเลือกที่ใช้ เพลง Pray  เป็นเพลงแรกของอัลบั้มล่ะ เหล่าสมาชิกไม่อยากฟังแม้กระทั่งบริษัทตัวแทนพูดเลย, ทุกคนได้อธิบายไว้ว่า ,นี่คืออัลบั้มลำดับที่ 5 ของพวกเค้า เป็นดนตรีในแบบที่พวกเค้าต้องการจะทำอย่างมั่นใจ

ซึ่งผลที่ได้นั้น ช่างมหัศจรรย์ สีสันที่เอฟทีไอร์แลนด์อยากนำเสนอ สามารถแสดงตัวตนออกมาอย่างเหมาะเจาะ ไม่เพียงแค่เพลงฮาร์ดร็อคเพลงแรกเท่านั้นที่บรรดานักเขียนหนังสือพิมพ์ครุ่นคิด,  แต่เป็นเพราะว่าพวกเค้าสามารถแสดงให้เห็นถึง ความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเค้าออกมา ผ่านทั่วทั้งอัลบั้ม

ทั้งอัลบั้ม I Will, เอฟทีไอร์แลนด์ ได้แสดงให้เห็นถึงซาวน์เสียงร็อค ใครที่ชื่นชอบอุปกรณ์เสียงแบบใน Black Chocolate or Do You Know Why? และทั้งหมดนี้ ช่างชัดเจนว่า, พวกเค้าอยากนำเสนอตัวตนที่แท้จริงของพวกเค้า

การผสานรูปแบบเมทัลทางฝั่งตะวันตก แสดงให้เห็นถึง การตัดแปลงพลังเสียงกีตาร์เมทัลแบบใหม่
เสียงลื่นใหลของเบส  และบางครั้งได้เพิ่มเสียงกระเดื่องของกลอง ซึ่งส่งผ่านให้พบเห็นทั้งอัลบั้ม ไม่เพียงแค่ปรับสู่อั้ลบั้มเกาหลี จากซิงเกิ้ลญี่ปุ่นเท่านั้น, เพลงHey Girl, เป็นผลงานชิ้นยอดที่ซ่อนอยู่ ท่อน ริฟท์กีต้าร์ในตอนต้นของเพลง ส่อให้เห็นถึงการเป็นวงดนตรีร็อคอย่างชัดเจนในสายดนตรี ภายในประเทศ 

นักร้องนำอย่าง, อีฮงกี, คนที่เราๆเคยคิดแค่เป็นเจ้าจอมป่วน, ได้แสดงให้เห็นแง่มุมที่หลากหลายๆ ที่แตกต่างออกไปของตัวเอง อย่างเช่นที่เค้าแสดงให้เห็นในเพลง  Shadow  และเพลง Please เป็นจุดที่เค้าสามารถแสดงเสียงร็อคผ่านทำนองเสียงสูงๆอย่างเต็มอารมณ์

อุตสาหกรรมดนตรี, ในประเทศเกาหลี มีหลายคนจบลง หลังจากที่พวกเค้าได้รับความนิยม และถดถอย แต่เอฟทีไอร์แลนด์ไม่ใช่แบบนั้น พวกเค้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า พวกเค้าได้ก้าวผ่านจุดของ “ไอดอล”มาแล้ว ในเอฟทีไอร์แลนด์ขณะนี้ การที่เรียกขานพวกเค้าว่า “วงไอดอล” ช่างเป็นการดูหมิ่นพวกเค้าซะเหลือเกิน

หลังจากที่ได้เห็นกิจกรรมต่างๆ และความก้าวแบบนี้, ตอนนี้ ชั้นพูดได้เลยว่า ที่แล้วมา, ชั้นขอโทษ มากๆเลยนะ เอฟทีไอร์แลนด์


Life Time Stars Collection

Blessu no hoshi e

I'm staying with Brett's song tonite.It's only one thing brought me here is both of my pens are out of ink.Zannen desu ne>_< And its about every one in this apartment having their good time sleeping.I have just woke up at 8pm.anyway.So my brain works out a bit with the songs.I can't see any stars tonight since Bangkok's skyscrapers are to tall. They take a way my stars as well as I can't play my guitar tonight.

I blow my soul back so far with this familair voice, my good old days with Suede, the days I spent with them are always my precious memories. With once I was Suede Head or Suede People, it's great yet.There's nothing more than just staring at your fave stars while your real life has soo much pain to endure.And a new bunch has been araisen so far-FT Island da!

I've just known them weeks ago through my Japanese lesson. Here you go. It's quite difficult for me to find a topic about FT.So I had better wrote about them my own^_^ Yokozo your Tim devil!It's just like deja-vu or something once I met Suede accidentally, I called them my soulmate band! I dont'know but they were something realy special to me, god gift band?

 
FT Island, I wish them well growing in this music industry and keep going as far as they can on this path just like your many senior stars; Brett, Suede, The Script, Muse, L'arc, OneRep, X-Japan and Manics.too. Hongstar's voice is hasky wonderful, angelic awesome with high pitch.I think he is possible to board as an international artist or having an international album just like HYDE did years ago.Other FT members too, they are such a new general with music skill.

When we talk about the vocal, it's something the band's face.FTboys are beautiful as well as Brett of Suede was to me years ago.Brett wrinkles have not erased any of his artistic inside^_^ Hongstar is about an unique voice, emotionally while singing, those voices plant an imagination seed in one's head, my head either.Hongstar's voice has done it well so far.

I heard someone said or tought me years ago(I hate this words that much 'coz it keeps reminding me I'm getting old)that there are three major things those have no boundaries namely; human gesture, music and food.FTIland has reached this stage so far as many of my senior stars did. A fan as your stars music consumer it's okay with a precious moment to sing slong with their songs while you do washing, cooking, drawing, and playing guitar.Thier songs could be our lullabies sometimes.

For me I can fall asleep within two songs.iiyume mite ne!FT brought me back my guitar lessons at Yamaha Music school as well. I really grateful for that. If my years ago dream was to see Brett swing his mic while he was singing, today's dream is to see Hongstar dances happily while he is singing on the stage besides his band members.Tonoshime na.aitai yo!I wish them growing biger and biger out there, shine a light besides my forever star-Suede reunion 2013. Ganbare boys FT Island!


O kaeri nasai!

How have we been so far and so long. When did the last time I was here?>_^wasureta!nihongo mo owareta, Sirisathorn mo.I've come back with this brilliant korean movie.  Crying a lot because of this puppy boy. You all have done a great job, guys! สปอยล์ตัวเองเรียบร้อย ก้อมาดูกันว่า มัน หนังอะไรกันนะ ดูกี่รอบก้อน้ำตาใหลตลอดเลย>_<ทำให้คิดถึงหมาน้อยที่เคยเลี้ยงตอนเด็กๆมากอาการหนักเลยเรา หายหน้าไปจากวงการบันเทิงนานมาก จำได้ว่าคนที่ปลื้มล่าสุด เป็น LEE MIN HO รุ่นหลานอ่ะชอบตั้งแต่เค้าเล่น city hunter เพราะเราเคยติดหมวดริวมากตอนม.ปลาย ตอนนี้หันมาปลื้ม WOLFBOYสุดฤทธิ์ดาราเค้าเล่นเก่งมากเลย ชีวิตตอนนี้ก้อโอเค มีที่ทำงานใหม่ และห้องใหม่ ห่างมาจากมหาลัยประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ยังไม่คุ้นสถานที่นะ แต่ตลาดดินแดง ของกินเยอะมากกกก เรียนจบแล้ว ภาษาญี่ปุ่นด้วย วาดป๋าโยชิกิเสร็จแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้ใส่กรอบให้ป๋าโยเลย gomen ne! อะไรกันเนี่ย อะไรกันหนอ matane!
Okaeri nasai! welcome back to 17 years in Bankok. I almost became a teacher there but it's not my days yet. Que sera, sera. The next step is learn how to drive after Japanese course at Silom which will be finished early of November. Dad is still okay at this trip. I can't do anything because my fate has wrote this so far. Mageruna!

Tadaima!



ลุยน้ำกลับเข้ากรุงเทพๆ หลังวันพ่อ there's something wrong with me, denkikama ka kaitai desu yo ne. อารมณ์อยากซื้อหม้อหุงข้าว ในรอบ35ปี กลับบ้านทริปนี้ พ่อเริ่มขี้ลืมให้เห็นต่อหน้าต่อตา แต่ที่ไม่เคยลืมเลยคือ หาของกินให้อิชั้นก่อนออกเดินทาง chichi wa izumo tabemono wo motte kitte kureru.ปีนี้ที่บ้านไม่ค่อยหนาว แผนที่จะหาซื้อที่ปลูก Bless Project II ยังดำเนินต่อไป Saigo ni nihonko no mittsu wo benkyoushi ni imasu

ว่าด้วยเรื่องอยากซื้อหม้อหุงข้าว? อาจมีสาเหตุมาจาก ตัวเล็กจะแต่งงานต้นปี หรือจากที่พ่อเตรียมสเบียงให้ซึ่งต้องทำให้สุกก่อนกินหรือปล่าว wakaranai desu yo nee. เพื่อนเป็นผู้ใหญ่กว่าเราเยอะเลย ในด้านการใช้ชีวิต อย่างน้อยมันก้อรู้ว่า ชาตินี้ต้องแต่งงาน I don't know but... it's strange. คิดว่าต้องมีอะไรสักอย่าง เกิดขึ้นกับโชคชะตาของเรา ซึ่งเราไม่อยากรู้ ไม่รู้จะฝืนยังไงฟระ taihen desu ne!

ที่แน่ๆตัดสินใจลงเรียนภาษาญี่ปุ่นต่อ แม้จะรู้ว่าต้นปีต้องยุ่งอยู่กับงานซ้อมรับ ก้อคงต้องเรียนเมื่อมีโอกาส และทำงานที่สีลม พร้อมๆกับหาทุนทำร้านกาแฟโรงเรียนด้วย จะได้แป่งปันเด็กๆได้ ว่าแต่ว่าจะได้กลับไปงานแต่งไหมนี่ hatarakanakereba narimasen nee.ต้องทำงานตอนปีใหม่พอดี เพื่อนกับความรับผิดชอบนี่มันแยกกันไม่ออกจริง

ว่าด้วยพ่อเริ่มขี้หลงขี้ลืมตามอายุ ส่วนเราก้อยังสร้างฝันของตัวเองอย่างเคร่งครัด ฝันที่จะมีโรงเรียนเล็กๆที่มีร้านกาแฟให้เด็กๆมาทำงานหาตังค์ก่อนไปโรงเรียนที่บ้านเกิด กับBless ที่กรุงเทพฯกับค่าเช่าที่ยอมจ่ายเพียงเพื่อจะได้มีห้องเรียนสอนเด็กๆ และให้รูปในGallery ได้หายใจ Yoshiki san no e kaku koto ka mada owaranai nee จะมีสักกี่คนที่เดินตามความฝันของตัวเอง น่าอิจฉาตัวเองดีแท้

กรุงเทพๆครูสอนบทเรียนชีวิตได้เป็นอย่างดี งานโรงแรมตั้งแต่ปอตรียันปอโท ก้อยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของเรากับโชคชะตาที่ต้องเกี่ยวเนื่องกับรามคำแหงอย่างเป็นทางการ นั่นคือเส้นใยโชคชะตาที่ถักทอให้กับชีวิตเล็กๆนี้ปีหน้ามีมังกร อยากได้ตังค์สักสี่ล้าน เอาไปซื้อเครื่องทำกาแฟ สองแวนด์ก้อดีนะ ganbarimasu ne!

Okaerinasai!

ยินดีต้อนรับ น้ำดื่มและน้ำตาลกลับบ้าน หลังจากหายไปเกือบเดือนครึ่งหลังน้ำท่วม เราคงเป็นส่วนน้อยที่รอดจากวิกฤตินี้อย่างหวุดหวิด เราไม่ได้ไปดูคอนป๋าโย แต่ก้อดีใจที่คุณชายรักแฟนx ขนาดนี้ kosui attara, kita^_^น่ารักซะ ส่วนคอนลุงมินิมาต้นปีหน้า เราคงไม่ได้ไปด้วยเหมือนกัน เพราะโชคชะตาผลักให้ไปเป็นแฟน Suedeตั้งแต่ต้น shouganainee กว่าจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นก้อตอนนี้แหละ

ลางานไปดูคอน ไปรับเฮียเจ้ที่โรงแรมก้อเคยมาแล้ว ทุกอัลบั้ม เกือบทุกซิงเกิล หนังสือประวัติวง ของที่ระลึกก้อเคยแฮปมาแล้ว มันเลยดูไม่ค่อยหวือหวา ถ้าจะเกิดขึ้นอีกทีกับ x-Japan และ L'arc ได้แค่ชื่นชอบ มองความเป็นไปของวงอยู่ห่างๆแค่นี้ก้อเริศแล้ว ส่วนการเรียนภาษาญี่ปุ่นก้อจะขึ้นคอร์สที่สี่แล้ว รูปป๋าโยยังวาดไม่เสร็จแต่หวังว่า คงทันตอนปีใหม่พอดี ปีนี้ไตรมาสสุดท้ายขอนิ่งๆดีกว่า ต้นปีมังกรค่อยว่ากันอีกที

ทำงานที่สีลมก้อจะครบสิบห้าเดือนแล้ว คิดว่าจะเป็นการปิดฉากอาชีพหลักที่นำมาซึ่งอาชีพครู barista การเกื้อหนุนการเรียนที่ม.รามตั้งแต่ป.ตรี ถึงป.โท ได้อย่างสวยงาม ชีวิตถูกลิขิตมาเยี่ยงนั้น พยายามจะฝืนแต่ยากจัง let it be. ส่วน เบลสส์ก้อสอนนักเรียนรุ่นที่ห้าพอดี ขึ้นปีสามต้นปีหน้า ร้านกาแฟกั้อยังอยากเปิดอยู่ แต่ต้องรอ ทุนและเวลาอีกนิดส์นึงตอนนี้ตระเวนดูเครื่องไว้ก่อน มีแผนจะกลับบ้านหลังน้ำลด และก่อนเริ่มต้นชีวิตใหม่ขึ้นปีที่สิบหกที่กทม.

ยังไงก้อขอให้คนไทยทุกคนปลอดภัยคับ minna wa ogenkidene!